สรุป
การสื่อสารการตลาดแบบครบวงจร
คือ
การกระตุ้นพฤติกรรมผู้บริโภค ไม่ใช่สร้างแค่การรับรู้
การจดจำหรือการยอมรับเท่านั้นดังนั้น IMC จึงเป็นกระบวนการสื่อสารเพื่อจูงใจในระยะยาวและต่อเนื่อง
โดยใช้เครื่องมือหลายรูปแบบ เช่น โฆษณา ประชาสัมพันธ์ ตลาดตรง การส่งเสริมการขาย
การจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า การตลาดเน้นกิจกรรม Call Center และอีเมล์
ฯลฯ เพื่อให้เกิดพฤติกรรมที่ต้องการโดยวางแผนภายใต้ แนวความคิดเดียว
แต่ใช้เครื่องมือสื่อสารการตลาดที่หลากหลายเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งเป้าหมายไว้
6 W และ 1H
เทคนิค 7 ประการสำหรับการวิเคราะห์ลูกค้า
6W1H คือ เครื่องมือสำหรับกำหนดกลุ่มเป้าหมายในการตลาด ประกอบไปด้วย
1. Who - ใครคือลูกค้าของคุณ
2. What - อะไรคือสิ่งที่ลูกค้าต้องการ
3. Where - ลูกค้าคุณอยู่ที่ไหน?
4. When - สินค้าของคุณจะถูกใช้งานเมื่อไหร่
5. Why -ทำไมเขาต้องซื้อสินค้าหรือบริการของคุณ?
6. Whom -ใครบ้างที่มีอิทธิพลในการซื้อ? สินค้าเกี่ยวข้องกับใครบ้าง?
7. How -เขาจะใช้สินค้าหรือบริการของคุณอย่างไรA
เทคนิค 7
ประการสำหรับการวิเคราะห์ลูกค้าก็จะสามารถทำให้คุณ ๆ ขายสินค้าได้ไม่ยาก
ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มสินค้า SME หรือ กลุ่มสินค้าธุรกิจใหญ่ ๆ
ก็จะมีวิธีการหรือเทคนิคในการวิเคราะห์ลูกค้าไม่ต่างกันเลยเพียงแต่ต้องมองให้ออกว่า
6W และ 1H มีอะไรกันบ้างเท่านั้นเอง
กลยุทธ์การตลาด
8P
กลยุทธ์การตลาด 8P ที่ได้กล่าวมานี้เป็นเครื่องมือพื้นฐานที่
นักธุรกิจส่วนใหญ่ นำไปใช้เป็นบรรทัดฐานในการทำการตลาด
โดยอาจแตกต่างตรงที่บางบริษัทประสบความสำเร็จ
แต่บางบริษัทกลับล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า
เหตุผลที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะบริษัทที่ล้มเหลวไม่อาจสร้างองค์ประกอบทางกลยุทธ์ 8P
ได้ครบตามวงจร ดังนั้นผู้ประกอบการที่สนใจจะใช้กลยุทธ์ 8P นี้ทำการตลาดให้ได้ผล ต้องเอาใจใส่ทุกรายละเอียดของกลยุทธ์แต่ละข้อ
เพื่อสร้างสรรค์ตัว P ทั้งแปดให้เกิดขึ้นมาให้ได้
การสร้างพันธมิตร
- เพื่อขยายตลาดและเพิ่มฐานลูกค้า
- เพื่อลดต้นทุนการดำเนินงาน
- เพื่อสร้างน้ำหนักในการต่อรอง
- เพื่อตามคู่แข่งให้ทัน
- เลือกสรรเพื่อนร่วมธุรกิจ
ผู้ที่คิดจะรวมกลุ่มพันธมิตรจำเป็นต้องศึกษากันและกัน
- วิเคราะห์และประเมินความเหมาะสมในการรวมกลุ่มธุรกิจ
- รับฟังความคิดเห็นและความเห็นชอบจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
- กำหนดวิสัยทัศน์ กลยุทธ์แผนธุรกิจให้เหมาะสมและเสมอภาคระหว่างพันธมิตรด้วยกันเอง
- สัญญาที่เป็นผลผูกพันทางกฎหมายเพื่อให้พันธมิตรปฎิบัติตาม
พันธมิตรทางธุรกิจ (Business
Alliance)
ข้อตกลงระหว่างธุรกิจ โดยปกติจะทำเพื่อการลดต้นทุน
และการปรับปรุงบริการให้ดีขึ้นสำหรับลูกค้า ความร่วมมือมักจะอยู่ในรูปของข้อตกลงแบบเดี่ยว
(Single agreement) ที่มีการแบ่งปันทั้งโอกาสและความเสี่ยงเท่าๆ
กันของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีทั้งที่เหมือนและแตกต่างกันไป
พันธมิตรทางธุรกิจแบงได้
3 ประเภท
- พันธมิตรแบบเซ็นสัญญา (Contractual Agreement)
- พันธมิตรแบบเข้ามาถือหุ้นระหว่างกัน (Minority
Equity Agreement)
- พันธมิตรแบบธุรกิจร่วมทุน (Joint Venture)
1. พันธมิตร (Alliances) เป็นความร่วมมือในรูปแบบของพันธมิตรระหว่าง
2 บริษัท โดยทั้งสอง
บริษัทยังคงเป็นอิสระต่อกัน โดยความสัมพันธ์ระหว่างสองบริษัทขึ้นอยู่กับขอบเขตความร่วมมือในการ
ดำเนินธุรกิจร่วมกัน
2. การลงทุนร่วมกัน (Joint Ventures) รูปแบบของความร่วมมือประเภทนี้จะมีการตั้งองค์การ
ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของหุ้นส่วน
3. เครือข่าย (Networks) เป็นรูปแบบความสัมพันธ์ในการดำเนินธุรกิจที่มีความร่วมมือหลาย
บริษัทในเรื่องของเทคโนโลยีในการดำเนินงานและระบบสารสนเทศ
โดยรูปแบบความสัมพันธ์ดังกล่าว
ทำให้เกิดการแบ่งกันการใช้ทรัพยากรในการดำเนินงานร่วมกัน
Outsource
คือการที่องค์กรมอบหมายงานบางส่วนของตนให้กับบุคคลหรือองค์กรภายนอกมาดำเนินการแทนโดยผู้ว่าจ้างจะเป็นผู้กำหนดและควบคุมกำกับทุกส่วนตั้งแต่นโยบายไปจนถึงการปฏิบัติงานในทุกๆขั้นตอนของผู้รับจ้าง
การไปทำสัญญาต่อสำหรับกระบวนการทำงาน เช่น การออกสินค้า หรือการผลิตสินค้า เป็นต้น
กับกิจการอื่น
ซึ่งการตัดสินใจที่จะมอบหมายภารกิจขององค์กรให้ผู้อื่นดำเนินการแทนจะเกิด ขึ้น
เมื่อองค์กรธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ไม่พร้อมที่จะใช้ทรัพยากรภายในที่มีอยู่ทำงานนั้นด้วยตนเอง
การจ้างให้คนอื่นทำงานแทนมักจะมาจากหลายสาเหตุด้วยกัน ได้แก่
1.เพื่อประหยัดต้นทุน
2. ช่วยให้องค์กรสามารถเน้นกิจกรรมไปยังธุรกิจหลัก
3. สร้างองค์ความรู้ให้แก่องค์กรมากขึ้น
4. การปฏิบัติตามสัญญาอย่างเคร่งครัด
5. ได้รับบริการจากผู้ที่มีความชำนาญในการดำเนินงาน
6. ลดความเสี่ยงทางธุรกิจ
7. เป็นตัวกระตุ้นสำหรับการเปลี่ยนแปลง
8. สามารถใช้ประโยชน์จากเวลาที่ต่างกัน
การประชาสัมพันธ์เชิงการตลาด
หรือเอ็มพีอาร์
การประชาสัมพันธ์เชิงการตลาด หรือเอ็มพีอาร์
หมายถึง
ขั้นตอนการวางแผนการปฏิบัติดำเนินงานและการประเมินผลในกระบวนการกระตุ้นให้เกิดการซื้อและความพึงพอใจโดยอาศัยการให้ข้อมูลข่าวสารที่น่าเชื่อถือ
ผ่านรูปแบบการนำเสนอเกี่ยวกับสินค้าและองค์กร
เพื่อทำให้ลูกค้าเกิดความประทับใจและต้องการซื้อสินค้าในที่สุด นักกลยุทธ์ไอเอ็มซีบางท่านก็เรียกเอ็มพีอาร์ว่า
การเผยแพร่ข่าวสารเกี่ยวกับตราสินค้า (Brand
Publicity) ซึ่งจะเห็นได้ว่าทิศทางของการทำประชาสัมพันธ์ในปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย
ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาจะเป็นการทำประชาสัมพันธ์องค์กร (Corporate
Public Relations : CPR) ที่เน้นความเข้าใจและความสัมพันธ์อันดีระหว่างหน่วยงานกับกลุ่มเป้าหมายแต่ในปัจจุบันนักกลยุทธ์ไอเอ็มซีหันมาให้ความสำคัญมากขึ้นกับการประชาสัมพันธ์เชิงการตลาด
(Marketing Public Relations : MPR) ซึ่งเป็นการนำความสัมพันธ์ระหว่างการตลาดกับการประชาสัมพันธ์มาผสมผสานกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น